หัวและคอสีดำน้ำเงินเป็นเงางาม ปากก็มีสีดำเช่นเดียวกัน ขนต่อจากช่วงคอลงไปจากช่วงไหล่ทั้งสองข้างเป็นสีขาว ขนบนหลัง ตรงกลางหลังถึงโคนหางสีดำ ส่วนล่างของลำตัว ปลายปีก และปลายหางเป็นสีขาว กลางปีกมีคาดดำ ขายาวมากสีเหลืองแดง ตัวผู้และตัวเมียมีลักษณะเหมือนกัน ต่างกันตรงม่านตา ของตัวผู้มีสีน้ำตาลเข้ม ส่วนของตัวเมียมีสีเหลือง ปัจจุบันเป็นนกที่มีอยู่น้อยและหายากมาก
พบในประเทศออสเตรเลีย กัมพูชา อินเดีย อินโดนีเซีย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว พม่า เนปาล ปาปัวนิวกินี ศรีลังกา และภูฏาน บริเวณบึงน้ำจืดและทะเลสาบ แอ่งน้ำในป่าเปิดและแม่น้ำสายใหญ่ และทุ่งหญ้าที่มีน้ำท่วมขังถึงระดับความสูง 1,200 เมตร บางครั้งพบในป่าชายเลนและแหล่งที่อยู่อาศัยตามชายฝั่ง ปากแม่น้ำ ทะเลสาบน้ำกร่อย อ่างเก็บน้ำ
นกกระสาคอดำหากินในน้ำตื้น ประมาณ 0.05 ถึง 0.3 เมตร โดยจะกินปลา สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก ไข่เต่า ปู หอยแมลงภู่ แมลง และสัตว์ขาปล้อง
มักหากินโดดเดี่ยว จะอยู่เป็นคู่ในฤดูผสมพันธุ์ ถ้าจะรวมอยู่เป็นกลุ่มบ้าง ก็เฉพาะกลุ่มครอบครัวของมัน ชอบอาศัยอยู่บนต้นไม้ที่ขึ้นโดดเดี่ยวบนยอดเขา หรือต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ริมน้ำ หากินตามหนองบึงหรือริมน้ำ
1. เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 2. เป็นนกที่อยู่ในสถานภาพ สูญพันธุ์ในธรรมชาติ (Extinct in the Wild: EW) จากการประเมินสถานภาพชนิดพันธุ์ที่ถูกคุกคามของประเทศไทย สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (2023) 3. เป็นนกที่อยู่ในสถานภาพ ใกล้ถูกคุกคาม (Near Threatened: NT) จากการประเมินสถานภาพความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต โดยองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (International Union for Conservation of Nature: IUCN) หรือ IUCN Red List (2016)
CLASS : Aves
ORDER : Ciconiiformes
FAMILY : Ciconiidae
GENUS : Ephippiorhynchus
SPECIES : Black-necked Stork (Ephippiorhynchus asiaticus)
สถานะภาพทางการอนุรักษ์ : สูญพันธุ์จากประเทศปากีสถาน ประเทศไทย และอาจสูญพันธุ์จากประเทศบังคลาเทศ
นกชนิดนี้ผสมพันธุ์ทำรังวางไข่ประมาณปลายฝนหรือต้นหนาว ทำรังบนยอดไม้ ที่ขึ้นอยู่บนยอดเขาหรือใกล้หนองบึง ใช้รังที่สร้างขึ้นนี้ปลายปี วางไข่ 3 – 5 ฟอง ไข่มีสีขาว
นกกระสาคอดำเป็นนกขนาดใหญ่ มีขนาดประมาณ 130 – 132 เซนติเมตร
แก้ไขข้อมูล ณ วันที่ 06 เมษายน 2560