ทั้งตัวผู้และตัวเมียมีลักษณะเหมือนกัน ขนทั่วตัวสีดำเหลือบเขียวและม่วงเงาๆ ยกเว้นที่โคนขนปีกด้านล่างมีแถบสีขาว นัยน์ตาสีน้ำตาล ปากสีแดงส้ม มีเหนียงขนาดเล็กสีเหลืองแดงสดที่ด้านข้างของใบหน้าใต้ตา และมีเหนียงขนาดใหญ่สีเหลืองสดเช่นเดียวกันคลุมทั่วท้ายทอย นกขุนทองทางภาคใต้ตั้งแต่คอคอดกระลงไปมีลำตัวใหญ่ เรียกนกขุนทองควาย มีเหนียงทั้งสองดังกล่าวไม่เชื่อมติดกัน( G.r. religiosa) ส่วนนกขุนทองที่พบเหนือคอคอดกระขึ้นมามีขนาดเล็กกว่า และเหนียงทั้งสองชนิดเชื่อมติดกัน (G.r. intermedia)
พบในอินเดีย ศรีลังกา พม่า ไทย ลาว เขมร เวียดนาม สุมาตรา อินโดนีเซีย และ บอร์เนียว สำหรับประเทศไทยพบทุกภาคยกเว้นที่ราบลุ่มภาคกลางเท่านั้น
นกขุนทองกินทุกอย่างทั้งพืชและสัตว์ แต่ชอบผลไม้มากกว่า เช่น กล้วย มะละกอ และลูกไม้ต่าง ๆ รวมทั้งพริกด้วย กินแมลง ปลวก ตัวหนอน ไข่มด ข้าวสุก ไข่ต้มก็ชอบ
อาศัยตามป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ ป่าดงดิบชื้น ป่าดงดิบแล้ง และป่าดงดิบเขา ชอบเกาะยอดกิ่งไม้สูง ๆ อยู่กันเป็นฝูงใหญ่ ๆ ตามป่าลึกเชิงเขามีชุกชุม เชื่องคน คนนิยมเลี้ยงเพราะสามารถพูดเลียนเสียงคน
สิ่งมีชีวิตที่มีความเสี่ยงต่ำต่อการสูญพันธุ์
CLASS : Aves
ORDER : Passeriformes
FAMILY : Sturnidae
GENUS : Gracula
SPECIES : Common Hill Myna (Gracula religiosa)
สถานะภาพทางการอนุรักษ์ : สิ่งมีชีวิตที่มีความเสี่ยงต่ำต่อการสูญพันธุ์
นกขุนทองผสมพันธุ์เดือนเมษายน-มิถุนายน ทำรังออกไข่ในโพรงไม้สูง ปูโพรงด้วยเศษหญ้าแห้ง ขน สิ่งสกปรก ตลอดจนเปลือกไม้ ไข่ชุดละ 2-3 ฟอง
มีขนาดลำตัวยาวประมาณ 30 เซนติเมตร
แก้ไขข้อมูล ณ วันที่ 11 เมษายน 2560